|
 |
|
ฉ้อโกง |
|
 |
ผมเป็นคนกรุงเทพฯ แต่รับราชการย้ายไปหลายจังหวัด ปีที่แล้วได้ย้ายไปอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้
|
ชอบอากาศทางภาคใต้มาก คิดปักหลักชีวิตหลังเกษียณอายุแล้ว ต่อมาได้มีคนนำที่ดินมาขายให้ 200 ตารางวา
โดยก่อนซื้อได้ย้ายกลับมากรุงเทพฯแล้ว แต่คนขายได้พาไปดูที่ดิน ซึ่งเขาชี้ให้ดูที่ดินติดถนนใหญ่
ในทำเลที่สามารถทำการค้าได้ ผมจึงได้ตัดสินใจซื้อ โดยบอกกับคนขายว่าหลังเกษียณจะย้ายมาอยู่ที่นี่
เพื่อให้ภริยาเปิดร้านขายของ
เมื่อมีการโอนที่ และจ่ายเงินกันเรียบร้อย ผมได้ลงไปดูที่ดินที่เข้าใจว่าซื้อไว้อยู่ 2-3 ครั้ง
ต่อมาได้คุยกับคนที่อาศัยใกล้ที่ดินแปลงนี้ ถึงได้ทราบว่าที่ดินแปลงนี้ เจ้าของยังไม่ได้ขายให้ใคร
เรื่องจึงกลับตาลปัตรเป็นว่า ที่ดินที่ผมไปโอนเป็นคนละแปลงกับที่ดินที่เขานำไปดู ซึ่งผิดความประสงค์ของผม
เพราะที่ดินที่ซื้อมาตามโฉนดนั้น เมื่อนำไปตรวจสอบดูอยู่ลึกเข้าไปมาก ไม่สามารถทำการค้าได้เลย
นอกจากอยู่อาศัย และเป็นการซื้อที่ดินที่แพงมากเป็นพิเศษ เพราะผมเข้าใจว่าที่ดินแปลงที่ซื้อนั้น
ทำการค้าได้ จึงได้ไปติดต่อให้เขาคืนเงินให้ผมและเอาที่ดินกลับคืนไป แต่เขาไม่สนใจ
และท้าให้ผมไปฟ้องเอาเอง ผมเจ็บใจมากเพราะผมไม่ใช่คนในพื้นที่นั้นมาก่อน ผมควรจะทำอย่างไร
จึงสามารถเอาเงินคืนได้
ก.วิษณุ
ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ตามที่เล่ามา ตั้งแต่ผู้ขายนำผู้ซื้อไปดูที่ดินของผู้อื่น ซึ่งอยู่ติดถนนใหญ่
สามารถทำการค้าได้ และซื้อในราคาที่แพงกว่า การที่ผู้ซื้อตกลงซื้อเพราะหลงเชื่อตามที่ผู้ขายหลอกลวงว่า
ที่ดินของผู้อื่นคือ ที่ดินของผู้ขายที่จะขายให้แก่คุณ ซึ่งสภาพที่ดินที่คุณหลงซื้อมีสภาพแตกต่างกับที่ดิน
ที่นำชี้มาก แสดงให้เห็นว่าผู้ขายมีเจตนานำชี้ที่ดินแปลงอื่น เพื่อหลอกลวงผู้ซื้อ ทำให้ผู้ซื้อหลงเชื่อ
และซื้อที่ดินของที่ขายไว้ การกระทำของผู้ขายจึงไม่ใช่เป็นการผิดสัญญาซื้อขายอันเป็นความรับผิด
ในทางแพ่งอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นความผิดฐานฉ้อโกง อันเป็นความรับผิดในทางอาญาด้วย
สำหรับความผิดฐานโกงนั้น เมื่อคุณในฐานะเป็นผู้เสียหายจากการกระทำของผู้ขาย
คุณจึงอาจไม่ต้องนำคดีไปฟ้องเป็นคดีแพ่งเรียกเงินคืนเองก็ได้ เพราะคุณสามารถดำเนินคดี
กับผู้ขายในข้อหาฉ้อโกง โดยแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ความผิดฐานฉ้อโกงนั้น
เป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ในทางกฎหมายคดีฉ้อโกง ยังเป็นแพ่งเกี่ยวกับคดีอาญา ดังนั้น
เมื่อได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ คดีก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในทางอาญา ซึ่งหากพนักงานสอบสวน
และพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ขายต่อศาลเป็นคดีอาญา
นอกจากพนักงานอัยการในฐานะโจทก์ดำเนินคดีให้กับผู้เสียหาย โดยสามารถฟ้องขอให้ลงโทษ
จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีความผิดที่มีโทษถึงจำคุก พนักงานอัยการ
ยังสามารถร้องขอให้จำเลยคืนเงินที่ซื้อขายกันคืนให้แก่ ผู้เสียหายไปในคดีอาญานั้นได้ด้วย
ผู้เสียหายจึงไม่ต้องเสียเวลาไปฟ้องเป็นคดีแพ่งเรียกเงินคืนเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการฟ้องดำเนินคดีกับจำเลยและเรียกเงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย
เพียงแต่คุณมีหน้าที่ต้องไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตามที่เขานัดหมาย ไม่ต้องเสียเงินค่าใช้จ่าย
ในการดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดอันยอมความได้คือ นอกจากคู่กรณีจะแจ้งความ
และคู่กรณีสามารถนำไปต่อรองหรือตกลงยอมความกันอย่างไร ในภายหลังได้แล้ว สำหรับคดีอาญา
ที่เป็นความผิดอันยอมความได้นั้น ผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิด
และรู้ตัวผู้กระทำความผิด มิฉะนั้นคดีเป็นอันขาดอายุความ ดังนั้นขณะนี้อายุความที่จะร้องทุกข์
ภายใน 3 เดือน ต่อพนักงานสอบสวน จึงต้องนับตั้งแต่วันที่คุณรู้ว่า ที่ดินแปลงที่คุณเป็นเจ้าของ
ในโฉนดที่ดินเป็นคนละแปลงกับที่ผู้ขายนำชี้
แต่ถ้าขณะนี้นับตั้งแต่คุณรู้เรื่องความผิดได้เกิน 3 เดือนไปแล้ว ก็มิได้หมายความตามว่า
คุณจะหมดสิทธิในการเรียกเงินคืน เพียงแต่คดีอาญาข้อหาฉ้อโกงขาดอายุความร้องทุกข์หรือฟ้องร้อง
แต่ความรับผิดในทางแพ่งที่นำที่ดินที่นำชี้คนละแปลงกับที่รับโอนมาขาย อันเป็นการผิดสัญญาซื้อขาย
คุณจึงต้องไปฟ้องเรียกเงินค่าที่ดินคืนเป็นคดีแพ่ง ซึ่งนั่นหมายถึงว่า คุณต้องมีทนายความคอยช่วยเหลือ
รวมทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีด้วย.
สุกัญญา รัตนนาคินทร์
(update 20 กรกฎาคม 2001)
[ ที่มา...
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2544]
|