 |
พินัยกรรมซ้อน |
 |
|---|
มีทรัพย์สินเงินทองไว้ใช้ยามชราย่อมดีแน่ หากมีลูกหลายคนมีทรัพย์พอแบ่งปันระหว่างทายาทเป็นทรัพย์มรดก
แต่ต้องมีความชัดเจนในเรื่องพินัยกรรม มิฉะนั้นลูกๆ อาจฟ้องแบ่งแย่งมรดกกันได้
นางแก้วเจ้าของสวนนนทบุรีเป็นหม้ายมาหลายปี เป็นคนขยันขันแข็งภายหลังสามีตาย
ทำงานเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดินย่านไทรน้อย เพื่อเลี้ยงลูก 6 คนไม่ให้ลำบาก
ทดลูกคนโตสนใจทำสวนก็ให้ดูแลสวน ทวีและลูกคนรองมาเรียนหนังสือเธอก็ส่งเสียให้เรียนจนจบการศึกษาทุกคน
ใครเรียนได้เท่าใดก็ให้เรียนไม่ขัดใจ
ครั้นถึงวัยชราคิดมากหลายเรื่องห่วงทรัพย์สมบัติที่อุตส่าห์หามาได้คิดเป็นมูลค่าหลายสิบล้าน
เฉพาะที่ดินย่านไทรน้อยที่กว้านซื้อไว้เป็นแปลงเดียวมีถึง 43 ไร่ ไม่รวมเงินสดในธนาคารที่พอมีอยู่บ้าง
ย่อมเป็นธรรมดาของคนมีฐานะย่อมมีที่ปรึกษามากเป็นเรื่องปกติ
ก่อนจะถึงแก่กรรมเธอได้ทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองฉบับแรกลงวันที่ 8 เมษายน 2519
ยกที่ดินเฉพาะส่วนของเธอให้แก่บุตรชายคนโต 15 ไร่ ฉบับหลังลงวันที่ 9 ตุลาคม 2528
ระบุยกที่ดินให้ทวีและบุตรอีก 4 คน คนละ 6 ไร่ เท่าๆ กันแต่ตั้งทวีเป็นผู้จัดการมรดกแปลงเดียวกัน
ปัญหาจึงเกิดขึ้นเมื่อทดบุตรคนโตไปรับมรดกก็ถูกทวียื่นคำคัดค้าน
ทดจึงฟ้องศาลขอให้พิพากษาเพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดกพินัยกรรมฉบับหลัง
เฉพาะส่วนที่เหลือจากการแบ่งให้ทายาท และพินัยกรรมฉบับแรกมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย
และให้ทวีจำเลยจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนที่เหลือให้โจทก์ตามพินัยกรรมฉบับแรก
ในที่สุด ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า : ข้อเท็จจริงฟังยุติว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง 2 ฉบับ
ดังกล่าวข้างต้น ฉบับก่อนเจ้ามรดกยกที่ดินให้โจทก์ จำเลย และบุตรคนอื่นๆ รวม 5 คน คนละ 6 ไร่
ส่วนที่เหลือยังเป็นของเจ้ามรดกอยู่โดยมิได้กล่าวถึงที่ดิน 15 ไร่ที่เคยทำพินัยกรรมยกให้แก่โจทก์
ก่อนพินัยกรรมฉบับหลังตั้งใจให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก
พินัยกรรมทั้งสองฉบับในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกและการตั้งผู้จัดการมรดกจึงขัดกัน
และเจ้ามรดกผู้ทำพินัยกรรมมิได้แสดงเจตนาไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น
ถือว่าเป็นพินัยกรรมฉบับก่อนเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลังเฉพาะเกี่ยวกับการยกทรัพย์ให้ทายาท
และเกี่ยวกับการตั้งผู้จัดการมรดกที่กฎหมายกำหนด
พิพากษายกฟ้องโจทก์
แต่เนื่องจากโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของเจ้ามรดกย่อมมีสิทธิ์ที่จะรับมรดกเหมือนกับทายาทคนอื่น
จึงไม่ตัดสิทธิ์โจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกที่จะฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกที่เหลือจากการแบ่งตามพินัยกรรมฉบับหลัง
ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยอายุความ
สิ่งที่น่าคิดก็คือ กรณีนี้ถ้าต่อมาภายหลังทวีในฐานะผู้จัดการมรดกไม่ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดก
แบ่งปันตามสิทธิ์โอนที่ดินให้แก่ทายาททุกคนรวมถึงทดซึ่งเป็นพี่ชายคนโตและเป็นโจทก์ในคดีนี้
ทดในฐานะทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกย่อมมีสิทธิ์ที่จะฟ้องขอแบ่งที่ดินที่เหลือจากการแบ่งตามพินัยกรรมฉบับหลัง
อันเป็นทรัพย์มรดกจำนวน 15 ไร่ แต่ต้องฟ้องภายในกำหนดอายุความ คือต้องฟ้องภายในกำหนดหนึ่งปี
นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย หรือนับแต่เมื่อทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก
และคดีฟ้องเรียกตามข้อกำหนดพินัยกรรมมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อผู้รับพินัยกรรมได้รู้
หรือควรได้รู้ถึงสิทธิ์ซึ่งตนมีอยู่ตามพินัยกรรม
ข้อมูล : เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2537
รศ.พิศิษฐ์ ชวาลาธวัช
(update 16 พฤศจิกายน 2004)
[ ที่มา...
หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ปีที่ 27 ฉบับที่ 9709 ]
|