มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[ คัดลอกจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม 2542]

ผ่าสมองอัจฉริยะ

บริษัท วิทยพัฒน์ จำกัด


นักวิทยาศาสตร์รายงานเกี่ยวกับการศึกษาสมองของไอน์สไตน ์ นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ พบว่า มีบางส่วนของสมองที่ผิดจากคนธรรมดา

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ วารสารแลนเซต (Lancet) อันเป็นวารสารด้านการแพทย์ที่มีชื่อเสียงก้องโลก ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาสมองของไอน์สไตน์ และพบว่า สมองอัจฉริยะผู้นี้บางส่วนที่ใหญ่กว่าคนธรรมดา และเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

ผู้ที่สนใจในเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์อัจฉริยะ ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่ง ในนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และผู้ที่เคยศึกษาหรืออ่านเกี่ยวกับประวัติ ของอัจฉริยะผู้นี้คงทราบดีว่าประวัติของไอน์สไตน์นั้นไม่ธรรมดาเอาเลย แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าสมองของไอน์สไตน์หลังเสียชีวิตไปแล้ว ก็มีเส้นทางที่โลดโผนไม่เบาเช่นกัน

ไอน์สไตน์ผู้ค้นพบความจริงเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพ หรือที่ผู้ที่เรียนวิทยาศาสตร์มาบ้างคงเคยรู้ในรูปของสมการ E=mc2 เป็นชาวเยอรมนีเชื้อสายยิว เกิดเมื่อปี ค.ศ.1879 ในประเทศเยอรมนี ในวัยเด็กนั้นไอน์สไตน์หัดพูดได้ช้ากว่าเด็กทั่วไป รวมทั้งเมื่อโตขึ้นมาก็มีปัญหาในเรื่องการเรียน เพราะเป็นเด็กที่มีความคิดอ่านผิดจากเด็กทั่วไป

ในวัย 16 ปี ไอน์สไตน์สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก ถ้าจะเปรียบเทียบกับในปัจจุบัน ก็คงพูดได้ว่าสอบเอนทรานซ์ไม่ติด จากนั้นในปีถัดมา จึงได้โอกาสเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี

หลังจากจบการศึกษา ไอน์สไตน์เคยเป็นอาจารย์ฟิสิกส์อยู่พักหนึ่ง แต่ก็เข้ากับพวกอาจารย์ฟิสิกส์ด้วยกันไม่ได้ ต่อมาจึงได้รับการฝากงานให้มาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิทธิบัตร มีหน้าที่คอยตรวจสอบเกี่ยวกับหลักการและกรรมวิธีที่บรรยายไว้ ในเอกสารขอจดสิทธิบัตรเพื่อให้ทางการออกสิทธิบัตรให้ ที่นี่เองที่ไอน์สไตน์ได้ใช้ความรู้ด้านฟิสิกส์อย่างเต็มที่

ต่อมาเมื่อไอน์สไตน์ประกาศผลงานเรื่องทฤษฎีสัมพันธภาพเฉพาะ ไอน์สไตน์ก็กลายเป็นนักฟิสิกส์ผู้มีชื่อเสียง และหลังจากนั้น ไอน์สไตน์ในวัยหนุ่มก็มีผลงานวิจัยด้านฟิสิกส์ที่สำคัญอีกหลายเรื่อง และหลายปีต่อมาก็กลับไปยึดอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง และความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์นั้น ได้ถูกใช้เป็นแนวทางในการสร้างระเบิดปรมาณูในเวลาต่อมา

ไอน์สไตน์เป็นนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ แนวคิดฟิสิกส์ของไอน์สไตน์เป็นเรื่องที่ล้ำสมัยในยุคนั้น ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์นั้น เมื่อแรกที่ประกาศออกมา ก็ยังไม่สามารถทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ ต้องรออีกหลายปีต่อมานักฟิสิกส์จึงพัฒนาความรู้ และอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์จึงพิสูจน์ได้ คำพูดและความคิดเห็นของไอน์สไตน์มีน้ำหนักมาก ทั้งต่อวงการวิทยาศาสตร์และวงการเมือง

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่กี่ปีไอน์สไตน์ได้รับเชิญ ให้ไปเป็นอาจารย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา และหลังจากนั้น ก็ตั้งรกรากถาวรที่นั้นเพราะไม่สามารถกลับเยรมนีได้ เนื่องจากฮิตเลอร์เรืองอำนาจและเข่นฆ่าชาวยิวในเยอรมนี

ไอน์สไตน์เสียชีวิตในเดือนเมษายนปี ค.ศ.1995 เมื่ออายุได้ 76 ปี หลังจากที่ไอน์สไตน์เสียชีวิต เรื่องพิลึกก็เกิดขึ้น นั่นคือ ดร.ทอมัส ฮาร์วีย์ ได้ทำการผ่าสมองของไอน์สไตน์ และนำเนื้อสมองมาดองเก็บไว้ แม้ไอน์สไตน์มีคำสั่งเสียไว้ว่า ให้จัดการเรื่องศพของตนโดยใช้วิธีเผาศพ แต่กับเรื่องสมองนั้นไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า ไอน์สไตน์ได้อุทิศสมองไว้ให้ศึกษาทายาทของไอน์สไตน์เอง ก็เพิ่งทราบภายหลังจากที่ ดร.ฮาร์วีย์ผ่าสมองออกไปแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ดร.ฮาร์วีย์ก็สามารถเจรจากับทายาทของไอน์สไตน์ ให้เห็นประโยชน์ของการเก็บสมองของอัจฉริยะผู้นี้ไว้ศึกษา และก็ได้รับความยินยอมในที่สุด

แต่หลังจากที่ ดร.ฮาร์วีย์ผ่าสมองของไอน์สไตน์ไปดองเก็บไว้แล้ว เรื่องของสมองไอน์สไตน์ก็เงียบหายไป กลายเป็นปริศนาดำมืด และไม่ปรากฏรายงานการวิจัยใดๆ เกี่ยวกับสมองของอัจฉริยะผู้นี้เลย

จนอีก 23 ปีให้หลัง หรือในปีค.ศ. 1978 บรรณาธิการ ของหนังสือพิมพ์รายเดือนชื่อ นิวเจอร์ซีย์มันท์ลีย์ (New Jersey Monthly) เกิดสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากที่ตรวจสอบข่าวและพบว่า เรื่องนี้เงียบหายไปนานปีแล้ว จึงได้มอบหมายให้นักข่าวชื่อสตีเวน เลวี ไปขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา

หลังจากการสืบเสาะของเลวีพบว่า สมองดังกล่าวน่าจะยังอยู่กับ ดร.ฮาร์วีย์ ในชั้นต้นเลวีโทรศัพท์ทางไกลข้ามรัฐเพื่อคุยกับ ดร.ฮาร์วีย์ เรื่องสมองของไอน์สไตน์ แต่ก็ได้รับการบอกปัดว่า ไม่สามารถจะให้ความช่วยเหลืออะไรได้ แต่เลวีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จึงลงทุนเดินทางไปพบดร.ฮาร์วีย์ที่รัฐวิสคอนซินด้วยตนเอง

และก็ได้ผล หลังจากที่เลวีได้พบดร.ฮาร์วีย์ ก็ได้ทราบว่าสมองของไอน์สไตน์ยังอยู่กับดร.ฮาร์วีย์จริงๆ สมองถูกเก็บผ่าเป็นหลายชิ้นและดองอยู่ในขวดโหล หลังจากนั้นข่าวคราวเกี่ยวกับสมองของไอน์สไตน์ จึงได้ปรากฏแก่สาธารณชนอีกครั้ง

จวบจนในปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปี หลังจากที่ไอน์สไตน์เสียชีวิต มีงานวิจัยเกี่ยวกับสมองของไอน์สไตน์ เท่าที่มีการตีพิมพ์มีเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น รายงานวิจัยฉบับแรก ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1985 หลังจากที่เลวีขุดคุ้ยเรื่องนี้ 7 ปี โดยกลุ่มนักวิจัยซึ่งมีดร.ฮาร์วีย์รวมอยู่ด้วย

รายงานฉบับนี้เป็นผลจากการวิจัยเกี่ยวกับสมอง 2 บริเวณ คือ บริเวณที่เรียกว่า บริเวณ 9 (area 9) และบริเวณ 39 โดยเปรียบเทียบกับสมองของชายที่มีเชาว์ปัญญาปกติ อายุราว 64 ปี จำนวน 11 คน ผลปรากฏว่าไม่พบความแตกต่างกับสมองของคนปกติ ยกเว้นบริเวณ 39 ของสมองซีกซ้ายที่พบว่า มี ไกลอัลเซลล์ ( Glial cell เป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สำคัญหลายอย่าง หากไม่มีเซลล์ชนิดนี้ เซลล์ประสาทจะทำงานไม่เป็นปกติ)

สมองบริเวณ 9 นั้น เป็นส่วนของสมองที่มีชื่อว่า ซีรีบรัลคอร์เท็กซ์ (cerebral cotrex) ส่วนสมองบริเวณ 39 นั้น เป็นส่วนที่มีชื่อว่า แพริเอตทัล (parietal lobe) สมองส่วนแพริเอตทัลมีหน้าที่เกี่ยวกับการคิดในระดับสูงได้แก่ การประมวลผลข้อมูลทางสายตา ทักษะด้านคณิตศาสตร์ ภาษา และดนตรี ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงสรุปว่า อัจฉริยภาพด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ของไอน์สไตน์ อาจมาจากการที่มีไกลอัลเซลล์ที่สมองส่วนแพริเอตทัลมากนี่เอง แต่ผลสรุปนี้ได้รับการโต้แย้งมากเช่นกัน เพราะเป็นการศึกษาจากตัวอย่างจำนวนน้อยมาก สมองอัจฉริยะเพียงคนเดียว เทียบกับคนปกติ 11 คน ซึ่งไม่อาจใช้เป็นข้อสรุปใดๆ ได้ หากต้องการให้ได้ข้อสรุป ที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ ควรทำการศึกษาสมองอัจฉริยะหลายๆ ราย และเปรียบเทียบกับคนปกติในจำนวนที่มากกว่านี้

คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า คลังสมองคืออะไร ? คลังสมองก็คือแหล่งที่เก็บรวบรวมสมองของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง ในปัจจุบันมีศูนย์การแพทย์และมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ที่ตั้งคลังสมองขึ้นและขอรับบริจาคผู้มีจิตเป็นกุศลที่ต้องการอุทิศสมอง เพื่อการศึกษา ซึ่งต้องแจ้งความจำนงไว้ตั้งแต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ครั้นเมื่อเสียชีวิตไปแล้วญาติจะต้องรีบแจ้งให้หน่วยงาน ที่รับบริจาคสมองรีบมาเก็บสมองไปโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็เหมือนกับ การบริจาคร่างกายนั่นเอง แต่การบริจาคสมองนั้นยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายนัก และมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่สำคัญก็คือต้องรีบเก็บสมองไป ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังผู้บริจาคเสียชีวิต ซึ่งในทางปฏิบัติทำได้ยาก เพราะญาติมัวแต่สนใจเรื่องเกี่ยวกับเรื่องการจัดงานศพ หรือไม่ก็มัวเศร้าโศกเสียใจอยู่ จนทำให้แจ้งล่าช้า กว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึงสมองก็เสื่อมสภาพไปแล้ว ทำให้ใช้ศึกษาไม่ได้ ดังนั้นในปัจจุบันคลังสมองต่างๆ ส่วนใหญ่จึงเก็บสมองของผู้ป่วย โรคทางสมองไว้มากเพราะหาได้ง่าย เนื่องจากผู้ป่วยทางสมอง มักอยู่ในความดูแลของแพทย์อยู่แล้ว แต่มีสมองของคนปกติอยู่น้อย

วิธีการเก็บสมองในคลังสมองทำโดยแช่เย็น เก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นจัดเพื่อรักษาสภาพของเนื้อสมองเอาไว้

แม้ว่าสมองของไอน์สไตน์จะมีน้ำหนักเพียง 1,230 กรัม ซึ่งในรายงานการวิจัยปี ค.ศ. 1996 สรุปว่า สมองของไอน์สไตน์เบากว่าคนทั่วไป แต่จากการศึกษาของไวเทลสัน ในครั้งนี้ได้เปรียบเทียบกับสมองของชายในวัยชราเช่นเดียวกับไอน์สไตน์ และพบว่า สมองไอน์สไตน์ไม่ได้เบากว่าของคนทั่วไปเลย เพราะตามปกติแล้วสมองในวัยชราจะฝ่อลงไปบ้าง ดังนั้นไวเทลสันจึงสรุปว่า สมองของไอน์สไตน์มีน้ำหนักปกติ

นอกจากนี้ จากการวัดขนาดของสมองส่วนต่าง ๆ ไวเทลสันและคณะก็พบว่า สมองของไอน์สไตน์ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปแต่อย่างใด ยกเว้นอยู่บริเวณเดียวที่พบความแตกต่างบริเวณนั้น คือ พูสมองแพริเอตทัลทั้งของสมองซีกซ้ายและซีกขวา

ไวเทลสันพบว่า พูสมองแพริเอตทัล ของไอน์สไตน์แตกต่างจากคนทั่วไปตามที่สันนิษฐานไว้ เพราะความสามารถด้านคณิตศาสตร์ ความรู้ ความเข้าใจ และจินตนาการเกี่ยวกับตำแหน่งและเนื้อที่ของวัตถุ ในระบบสามมิติเกิดจากสมองส่วนนี้ ความผิดปกติที่พบก็คือ คนทั่วไปจะมีลอนสมองซูปรามาร์จินัล ( supramarginal gyrus ดูภาพประกอบ) เป็นลอนพับซ้อนกัน และมีส่วนย่อยของลอนสมองซูปรามาร์จินัลที่เรียกว่า แพริเอตทัลโอเพอร์คิวลัม (parietal operculum)

คุณผู้อ่านคงสังเกตเห็นว่า สมองมนุษย์นั้นมีลักษณะภายนอก เห็นเป็นลอนจำนวนมาก สมองลอนต่างๆ นับล้วนแต่มีชื่อเรียก เหตุที่นักวิทยาศาสตร์ต้องตั้งชื่อเรียกก็เพราะลอนสมองต่างๆ นั้นควบคุมระบบการทำงานของร่างกายส่วนต่างๆ หากไม่มีชื่อเรียกนักวิทยาศาสตร์ก็คงสื่อสารกันไม่ถูกว่ากำลังพูดถึงสมองลอนใด

แต่สำหรับสมองของไอน์สไตน์นั้นไม่มีส่วน แพริเอตทัลโอเพอร์คิวลัม เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่า ลอนสมองซูปรามาร์จินัลมีการพับซ้อนกันน้อยลง โดยทั่วไปแล้วการที่สมองมีลอนมาก (หมายถึงมีร่องสมองมาก เมื่อมีร่องมากก็ย่อมมีลอนมากด้วย) แสดงให้เห็นว่า สมองนั้น มีการพัฒนาสูง เพราะร่องสมองช่วยเพิ่มพื้นที่ของผิวสมองให้มากขึ้น แต่ในกรณีของไอน์สไตน์นั้น ไวเทลสันสันนิษฐานว่า การที่ลอนสมองซูปรามาร์จินัลมีรอยพับซ้อนน้อยลง (เพราะส่วนแพริเอตทัลโอเพอร์คิวลัมหายไป) ทำให้การสื่อสารของเซลล์ประสาทในบริเวณนั้นรวดเร็วขึ้น เปรียบเสมือนคลองเล็กคลองน้อยที่บรรจบกันเป็นลำธารใหญ่ น่าจะมีผลต่อความสามรรถด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ของไอน์สไตน์

นอกจากนี้ การที่ส่วนแพริเอตทัลโอเพอร์คิวลัมหายไป ทำให้สมองของไอน์สไตน์ป่องข้างออกไปอีกเล็กน้อย เมื่อวัดส่วนกว้างที่สุดของสมองก็จะพบว่า สมองของไอน์สไตน์ กว้างกว่าคนทั่วไปราวร้อยละ 15

แต่อย่างไรก็ดี งานวิจัยนี้ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ด้านความน่าเชื่อถือของผลสรุปเช่นกัน เพราะ แม้จะมีการเปรียบเทียบ กับตัวอย่างสมองคนทั่วไปมากกว่าในงานวิจัยรุ่นก่อนๆ แต่สมองของอัจฉริยะ ที่นำมาเปรียบเทียบนั้นก็ยังมีเพียงสมองเดียวอยู่ดี จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายท่านแย้งว่า ยังยากที่จะสรุปได้ว่า ลักษณะสมองส่วนแพริเอตทัลที่ผิดปกติเช่นนี้จะเป็นสาเหตุ ของอัจฉริยภาพทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่น่าคิดอีกประการหนึ่งก็คือ สมองส่วนนี้ยังควบคุมเกี่ยวกับการพูดอีกด้วย ซึ่งตามประวัติแล้วไอน์สไตน์ในวัยเด็กหัดพูดได้ช้ามาก อันแสดงถึงพัฒนาการที่ผิดปกติในทางด้อยของสมองส่วนนี้ ไม่ใช่ในทางเด่น

เป็นอันว่าปริศนาเรื่องอัจฉริยภาพของไอน์สไตน์ ก็คงยังเป็นความลับต่อไป แม้งานวิจัยของไวเทลสันจะช่วยทำให้เรา มีความรู้เกี่ยวกับสมองของไอน์สไตน์มากขึ้น แต่ก็ยังคงไม่ถึงกับสามารถ ไขปริศนาอัจฉริยภาพของไอน์สไตน์หรืออัจฉริยภาพทางฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์ได้คงต้องรอจนกว่าที่นักวิทยาศาสตร์ จะมีสมองของอัจฉริยมากพอให้ศึกษาจึงจะสามารถไขปริศนานี้ได้

บริษัท วิทยพัฒน์ จำกัด

ดูรูปไหมครับ
รูปที่1 เปรียบเทียบกับสมองคนปกติ [11,388 bytes]
รูปที่2 ภาพส่วนต่างของสมองไอน์สไตน์ [23,028 bytes]
รูปที่3 ผิดจากคนธรรมดาอย่างไร [20,077 bytes]
รูปที่4 แสดงตำแหน่งบริเวณที่9 และ 39 [7,043 bytes]
รูปที่5 ไกลอัลเซลล์ [13,460 bytes]
รูปที่6 เซลล์ประสาท [14,221 bytes]

ขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600